“สัญญานะ ถ้ายังมีชีวิตรอดจนถึงวันที่สงครามจบสิ้น เราจะมาพบกันอีก”
   
                คำสัญญาด้วยเสียงเล็กๆลอยไปตามสายลม เด็ก2คนยื่นนิ้วก้อยมาเกี่ยวกันไว้ท่ามกลางทุ่งหญ้าสีน้ำตาลอ่อน ภายใต้ท้องฟ้าสีเทาที่มีเมฆทึมคำรามก้องอยู่ แต่เด็กทั้งสองก็ไม่ใส่ใจ
   
เด็กตัวน้อย คนหนึ่งร่าเริง อีกคนเงียบขรึม
   
ทั้ง2คนสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป
   
หากแต่สงครามคือสิ่งที่แยกพวกเขาออกจากกัน
   
แต่เขาเชื่อ ว่ามิตรภาพจะไม่ถูกลบเลือนด้วยความห่างไกลหรือกาลเวลา
   
รอหน่อยเถอะฟ้า เราจะกลับไปหานายอีกครั้ง ณ ที่แห่งคำสัญญาของพวกเรา
   
เมื่อสงครามทั้งหมด จบสิ้นลง เราสัญญา
                                                                    [<>]~[<>]~[<>]
    “เป้าหมายอยู่ที่พิกัด142.940 ยืนยัน142.940 ทุกหน่วยเตรียมพร้อมโจมตี รอคำสั่ง ย้ำ รอคำสั่ง...”
   
                เสียงวิทยุซ่าๆดังกรอกเข้ามาในรูหูจากวิทยุสื่อสารที่ติดอยู่กับหูซ้ายของเขา ศรยกมือขึ้นปรับมันเป็นครั้งที่ร้อยห้าสิบขณะที่ขดตัวหลบอยู่ข้างกำแพงอิฐผุพัง และแล้วสิ่งที่รอก็มาถึง สัญญาณไฟสีแดงกระพริบขึ้นที่จอแว่นคอมพิวเตอร์ เขาลุกขึ้น กระโดดข้ามกำแพง และออกวิ่งลัดเลาะไปตามซากปรักหักพังต่างๆพร้อมกับเพื่อนทหารนับร้อย มุ่งสู่อาคารสีดำทะมึนเบื้องหน้า
   
                ศรไปถึงตัวตึกได้และใช้เครื่องมือที่แขนขวาปลดผนังด้านนอกออกอย่างรวดเร็ว ท่าทางคล่องแคล่วเหมือนฝึกมาแล้วนับพันครั้ง ไม่นาน แผ่นเหล็กก็หลุดออกมาชั้นแล้วชั้นเล่าจนพบทางเดินมืดสลัวด้านใน ทันทีที่เขาโหนตัวเข้าไปในนั้น เสียงสาดกระสุนก็ดังขึ้นภายนอกอาคาร ศรพยายามไม่สนใจมันแล้วเดินเลียบผนังไปเรื่อยๆ รู้ดีว่าตนเองอยู่ที่ไหนเพราะสมองกึ่งดิจิตอลของเขาได้จดจำแผนผังตึกนี้ไว้ทั้งหมดแล้ว
   
                ในที่สุด เขาก็มาถึงห้องควบคุม บริเวณนี้เงียบผิดปกติ การรักษาความปลอดภัยหละหลวมเกินคาด หรือไม่ก็มัวไปยุ่งอยู่กับการป้องกันทหารที่บุกเข้ามาจากภายนอกตึกเสียหมด แต่การจู่โจมนั้นเป็นเพียงละครฉากหนึ่ง ตัวจริงคือเขาต่างหาก
   
                ศรผ่านเข้าไปในห้องได้อย่างง่ายดาย ตามที่คิดไว้ ห้องนี้ไม่มีใครอยู่ ทุกอย่างถูกควบคุมด้วยสมองกลล้วนๆ เขาถ่ายข้อมูลทุกอย่างจากหน่วยความจำหลักของระบบควบคุมใส่ลงในคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่ฝังอยู่ในแขนซ้าย เตรียมโอนเข้าสู่สมองและส่งมอบให้เบื้องบนต่อไป เขาถอนหายใจ งานนี้ง่ายเกินคาด แต่แล้วศรก็รู้ว่าตนคิดผิดเมื่อสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นทันทีที่เขาตัดการเชื่อมต่อกับระบบ
   
                ด้วยความรวดเร็ว ศรคว้าระเบิดพลาสติกจากกระเป๋าและแปะเข้าเครื่องคอมพ์หลักของระบบ เขาตั้งเวลามันและเดินออกไปอย่างเร่งรีบ
   
                ไม่ทันจะพ้นประตู ศรก็ต้องพบกับห่ากระสุนที่สาดเข้ามาจากด้านนอก เขารอจนทหารเหล่านั้นเปลี่ยนแมกกาซีนแล้วจึงยิงโต้ตอบกลับไป เขาพุ่งตัวผ่านทหารที่บาดเจ็บและวิ่งไปตามทางเดินสมองเตือนว่าเขาเสียเวลามากเกินไปแล้ว มันนับถอยหลังให้โดยอัตโนมัติ
   
                3......2......1......
   
               
บรึ้ม!
   
                เขาถูกแรงอัดจากระเบิดไปกระแทกกับผนังและหมดสติไป
                                                                                [<>]~[<>]~[<>]
    ฝืนฟ้าที่เทาหม่น ทุ่งหญ้าแห้งกรอบเพราะมลภาวะ และรอยยิ้มสุดท้ายของฟ้า ก่อนจะกลายเป็นนกพิราบที่กางปีกโผบินจากไป...
    สติของศรกลับคืนมา เขาพบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงเหล็กในห้องสีเทาหม่น รอบข้างมีเครื่องจักรตั้งระเกะระกะเต็มไปหมด  เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้นข้างๆเขา
   
                “ขอต้อนรับกลับมา Az-19 เช็คระบบความจำซิ” ผู้พูดเป็นชายชราร่างเล็ก สวมเสื้อคลุมยาวดูคล้ายนักวิทยาศาสตร์มากกว่าหมอ
   
                “ผมชื่อศร อย่าเรียกรหัสได้ไหมครับดอกเตอร์” ศรพูดด้วยเสียงแหบๆ หลอดคอของเขาคงจะเสียหายไปด้วย ‘ดอกเตอร์’ยิ้มนิดหนึ่งกับคำตอบของศร
   
                “ความจำยังใช้ได้สินะ”
   
                เขายิ้มตอบนิดหนึ่งและพยายามยกหัวขึ้นมองร่างกายของตน ที่ปลายเตียง เครื่องจักรกำลังช่วยต่อขาข้างใหม่ให้เขาอยู่ ชายหนุ่มเหลือบมองแขนซ้ายของตนที่เหลือเพียงโครงเหล็ก คอมพิวเตอร์ในนั้นไหม้ดำปี๋ เขาถอนหายใจ นี่เป็นการเปลี่ยนอวัยวะเทียมครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะ นานเท่าไหร่แล้วนับตั้งแต่กะโหลกศีรษะของเขาถูกเปลี่ยนเป็นโลหะผสม 10ปีแน่ๆที่ดวงตาสองข้างกลายเป็นวัตถุสังเคราะห์ แขนขาถูกเปลี่ยนมานับไม่ถ้วน ในโลกแห่งสงครามนี้ ทหารที่ฉลาดและมีประสบการณ์อย่างเขาเป็นที่ต้องการอย่างมาก จนคุ้มค่าที่จะรักษาชีวิตไว้
   
                ศรจ้องมองไฟสว่างจ้าบนเพดานห้อง นี่มันกี่ปีมาแล้วนับตั้งแต่วันที่เขาสัญญากับฟ้า เมื่อไหร่กันหนอ สงครามบ้าๆนี่จะจบลงเสียที หรือเขาจะไม่มีวันได้เห็นโลกแห่งสันตินั้น ท่ามกลางกองทหารกึ่งหุ่นยนต์กึ่งมนุษย์นี้  สัญญาของฟ้าเป็นสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวความเป็นคนของเขาไว้ ไม่เช่นนั้นแล้วเขาคงจะกลายเป็นหุ่นรบไร้ความรู้สึก ไร้ความหวังอย่างคนอื่นๆ บางครั้งศรก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาอาจจะเป็นคนเดียวในที่แห่งนี้ ที่ภาวนาให้สงครามจบสิ้นลงเสียที
   
                เมื่อกลับมาถึงห้องพัก ศรโหลดข้อมูลที่ขโมยมาและเหลือรอดจากการระเบิดออกจากคอมพ์เก่าที่แขนซ้ายและส่งต่อให้เบื้องบน ข้อมูลที่เขาได้มานั้นมีมากพอที่จะยุติสงครามนี้ได้ ศรรอคอยคำสั่งด้วยความสบายใจยิ่งกว่าครั้งใดในรอบหลายปี เขาฆ่าเวลาด้วยการโหลดข้อมูลที่ได้มาเข้าสู่สมองกึ่งดิจิตอลของเขา ข้อมูลใหม่ๆไหลเข้ามาไม่หยุดหย่อนกอปรกับเสียงวี้ดของเครื่องคอมพ์ทำให้เขาปวดหัว ระบบนั้นคงจะเก็บรักษาสิ่งต่างๆไว้มากมาย ทั้งเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ การแพทย์ การทหาร และวิชาการ  ศรตัดสินใจหยุดการโหลดข้อมูลและล้มตัวลงนอน เป็นครั้งแรกที่เขาหลับโดยไม่ฝันอะไรเลย
   
                “ฝ่ายต่อต้านกำลังถูกกดดันหนักเพราะพวกเราได้ข้อมูลสำคัญมาไว้ในมือ ทางพันธมิตรได้ยื่นข้อเสนอเกี่ยวกับการยอมแพ้ ทางฝ่ายต่อต้านเองก็ไม่มีท่าทีจะปฏิเสธ”
   
                ดอกเตอร์สรุปข่าวจากหน่วยข่าวกรองให้ศรฟังในเช้าวันรุ่งขึ้นขณะที่เขานำคอมพ์เก่าที่พังแล้วมาคืน ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆเมื่อได้ยิน
   
                “สงครามจบลงแล้วใช่ไหมครับ”
   
                “ตามทฤษฎีน่ะใช่ ข้อมูลที่เธอได้มาเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายเรามากทีเดียว”
   
                ศรไม่ตอบ เพราะเขากำลังนึกถึงสิ่งอื่นอยู่
                                                                    [<>]~[<>]~[<>]
    แม้ในยามที่สงครามใกล้สงบ บรรยากาศในค่ายทหารก็ยังคงวุ่นวาย  ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม การสวนสนามของทหารก็เป็นภาพที่น่าทึ่งสำหรับศร เขาพาดแขนซ้ายกับประตูรถจี๊ปอย่างสบายอารมณ์พลางมองทหารเหล่านั้น ไม่น่าเชื่อว่าทุกคนต่างใช้อวัยวะเทียมที่ทำจากเหล็กและยางสังเคราะห์ เพราะการเคลื่อนไหวเหล่านั้นดูเป็นธรรมชาติเหลือเกิน ชายหนุ่มนึกขำเมื่อคิดถึงขาเทียมในสมัยก่อน เขาเองเป็นหนึ่งในคนแรกที่คิดพัฒนาอวัยวะเทียมเหล่านี้ ตอนแรกก็เพียงเพื่อให้ร่างกายของเขาคงอยู่ได้จนถึงวันที่สงครามสิ้นสุดเท่านั้น แต่มันกลับเป็นประโยชน์ต่อกองทัพได้มากกว่าที่เขาคาด
   
                ทหารยามที่ประตูมองศรแปลกๆเมื่อเห็นบัตรประจำตัวและสัมภาระของเขา อาจเพราะทหารกึ่งเครื่องจักรส่วนใหญ่ไม่เคยออกจากค่ายยกเว้นเวลาไปรบ
   
                อย่างไรก็ตาม ศรผ่านออกมาได้ด้วยยศของเขาและหนังสือรับรองจากเบื้องบน สงครามจบลงแล้วและเขากำลังจะไปจากที่นี่ตลอดกาล
   
                ฟ้าที่เคยเป็นสีเทาในวันนั้น บัดนี้ยิ่งดูหมองหม่น แต่ศรไม่ใส่ใจ ท้องฟ้าไม่เคยเป็นสีฟ้าใสมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว มนุษย์นั่นเองเป็นผู้ทำลายมัน เขาขับรถผ่านภูมิประเทศเดิมๆ ผืนดินแห้งแล้ง ภูเขาหัวโล้น ลำธารแห้งขอดและทะเลทรายกว้างใหญ่ไพศาล ต้องขอบใจร่างหุ่นยนต์ที่ทำให้เขาขับรถได้นานติดต่อกันหลายวันโดยไม่เหน็ดเหนื่อย ศรรู้สึกว่าวันเวลาเหล่านี้ช่างผ่านไปอย่างเชื่อช้าจนแทบทนไม่ไหว แล้วในที่สุด เขาก็มาถึง
   
                พิกัด183.560 ใช้เวลา2สัปดาห์จากค่ายพักของเขา คือที่ซึ่งศรเคยเรียกว่าบ้าน
   
                ทุ่งหญ้าสีน้ำตาลที่แห้งกรอบนั้นหายไปหมดแล้ว เหลือแค่ผืนดินแตกระแหงอันกว้างใหญ่ ศรจอดรถและมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของไม้สักต้น หรือคนสักคน เขาตัดสินใจนอนรอที่กระบะหลังรถ เขารอวันนี้มาหลายปี กับอีกแค่2-3ชั่วโมง หรือจะเป็นวัน เขาก็รอได้
   
                ศรฆ่าเวลาโดยการเช็คข้อมูลในสมองกึ่งกลของตน และรู้สึกทึ่งกับจำนวนสนามรบที่เขาเคยเข้าร่วม เขาถูกเกณฑ์เป็นทหารตั้งแต่อายุ15 นานมากแล้ว
   
                แสงแวบหนึ่งส่องเข้าตาของเขา ศรผุดลุกขึ้นอย่างตกใจพลางจ้องมองท้องฟ้า เมฆบางช่วงขาดหายไปจนแสงอาทิตย์ส่องลอดเป็นลำลงมาสู่พื้นดิน ชายหนุ่มหันมองไปรอบๆตัวรู้สึกทึ่งกับสิ่งที่ได้เห็น แม้เพียงแวบเดียวเมฆจะกลับมาบดบังแสงดังเดิมก็ตาม
   
                และแล้วเขาก็สังเกตเห็นเงาของบางสิ่งบางอย่างอยู่ห่างออกไปราว700-800เมตร เงาสูงเหมือนร่างคน ศรลุกขึ้นยืนและกระโดดลงจากรถจี๊ปทหาร เขาวิ่งสุดชีวิตไปยังเงานั้น
   
               
“ฟ้า..... ฟ้า.... ฟ้....”
   
                คำสุดท้ายขาดหายไปเมื่อเขาวิ่งไปถึงจุดนั้น ศรลืมไปแล้วว่าเขาเคยจินตนาการภาพฟ้าไว้อย่างไร แต่ไม่ใช่แบบนี้แน่ๆ สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าเขาคือหลุมฝังศพที่มีแท่งหินปักอยู่ด้านบน ยอดของแท่งหินสีเทาแก่นั้นแกะสลักเป็นนกพิราบที่กำลังกางปีกจะโผบินขึ้นสู้ท้องฟ้า ดวงตาไร้ชีวิตนั้นจ้องมองผืนนภาสีเทามานานปีจนเริ่มผุกร่อน ศรตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น เขาค่อยๆเดินไปที่หลุมศพนั่น เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มรู้สึกว่าขาทั้งสองข้างช่างหนักสมกับเป็นท่อนเหล็กจริงๆ ศรคุกเข่าลงช้าและอ่านคำแกะสลักที่เลือนราง
                                                                       
  “ทิฆัมพร เสรีนุรักษ์
                                                        13 เมษายน 2761 19 พฤษภาคม 2820
                                                                        Right here waiting.”
    ศรรู้สึกเหมือนแสงสว่างทั้งหมดดับลงตรงหน้า นี่คือหลุมศพของฟ้า ฟ้าตายแล้ว ทำไมกัน... และสมองกึ่งดิจิตัลก็ให้คำตอบแก่เขาทันที มันคิดคำนวณอย่างรวดเร็วถึงสิ่งที่เขาไม่เคยนึกมาก่อน ปีนี้คือพุทธศักราชที่3124 กว่าสามร้อยปีที่เขาหลงใช้ชีวิตอยู่ในวังวนแห่งสงครามที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า คอมพิวเตอร์คำนวณข้อมูลที่เพิ่งได้รับมาใหม่ให้เสร็จสรรพ สงครามที่แยกเขากับฟ้าออกจากกันนั้นจบสิ้นลงโดยใช้เวลาไม่ถึง10ปี ฟ้าคงจะกลับมาที่นี่ได้เมื่อประมาณปี2778 และรอคอยเขาเสมอมา ข้อความบนหลุมศพลอยขึ้นมาในหัวของเขาอีกครั้ง
‘Right here waiting’ แม้จะตายไปแล้ว ฟ้าก็ยังรอเขาอยู่ไม่ได้จากไปบนผืนฟ้ากว้าง เหมือนนกพิราบหินที่ทำได้เพียงเงยหน้ามองท้องนภาสีหม่น
   
                ศรได้สติเมื่อเสียงหวีดหวิวของอากาศที่ถูกเสียดสีผ่านเข้ามากระทบโสตประสาท ข่าวสารจากหน่วยข่าวกรองถูกส่งเข้ามาทางวิทยุติดตัวโดยอัตโนมัติ ฝ่ายต่อต้านไม่ยอมรับข้อเสนอและยิงขีปอาวุธเข้าใส่ฐานทัพหลายแห่งของฝ่ายพันธมิตร อีกไม่นานฝ่ายพันธมิตรจะตอบโต้ สงครามครั้งใหม่กำลังจะปะทุขึ้น
   
                เขาลุกขึ้นช้าๆ เพื่อเดินกลับไปที่รถจี๊ป ศรหันมามองหลุมศพเป็นครั้งสุดท้ายด้วยรอยยิ้มเศร้าๆ
                                    “ลาก่อนเพื่อนรัก แล้วเราจะได้พบกันอีก เมื่อโลกนี้ไม่มีสงครามอีกต่อไป เราสัญญา”
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น